อินทรีเหล็ก" เยอรมนี ออกสตาร์ทฟุตบอลโลก รอบแบ่งกลุ่มได้อย่างสวยหรู เมื่อต้อนตือออสเตรเลีย ที่เหลือ 10 คนแบบไม่ไว้หน้า 4-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย กลุ่ม ดี วันที่ 13 มิ.ย. 2010
เยอรมนี 4-0 ออสเตรเลียผู้ทำประตู : 1-0 ลูคัส โพดอลสกี้ น.8, 2-0 มิโรสลาฟ โคลเซ่ น.26, 3-0 โธมัส มุลเลอร์ น.68, 4-0 คาเคา น.70ใบแดง : ทิม เคฮิลล์ น.56 (ออสเตรเลีย)สนาม : มาบิด้า, เดอร์บัน
โยอาคิม เลิฟ กุนซือทีมชาติเยอรมนี จัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนามโดยใช้ 3 กองหน้าอย่าง มิโรสลาฟ โคลเซ่, โธมัส มุลเลอร์ และ ลูคัส โพดอลสกี้ ลงล่าตาข่าย ขณะที่ "ทีมจิงโจ้" นำทัพโดย ลูคัส นีลล์ กองหลังกัปตันทีม และ ทิม เคฮิลล์ มิดฟิลด์จากเอฟเวอร์ตัน
เริ่มเกมได้แค่ 3 นาที ออสเตรเลีย เกือบได้ประตูขึ้นนำเร็ว จากลูกเตะมุม ทิม เคฮิลล์ ได้โหม่งก่อนที่บอลจะไปตกที่เท้าของ ริชาร์ด การ์เซีย ที่กลับตัวยิงในกรอบ 6 หลา แต่บอลไปติดบล็อกของ ฟิลิปป์ ลาห์ม
นาทีที่ 7 เมซุต โอซิล พาบอลขึ้นมาได้สวยก่อนจะเปิดให้ โคลเซ่ ได้สับไกบริเวณกรอบเขตโทษ แต่มาร์ค ชวาร์เซอร์ ยังปัดทิ้งไปได้ทัน
ถัดมานาทีเดียว เยอรมนี ก็ขึ้นนำ 1-0 จนได้ เมื่อกองหลังออสซี่เช็คล้ำหน้าพลาดทำให้ โอซิล ได้จ่ายต่อให้ มุลเลอร์ ที่จ่ายตัดหลังให้โพดอลสกี้ กดเต็มข้อเข้าไปอย่างสวยงาม
เกมเปิดแลกกันอย่างสนุก นาทีที่ 22 มุลเลอร์ ได้บอลทางกราบขวาก่อนจะส่งเปิดเรียดไปหน้าประตู แต่ โพลดี้ เข้าชาร์จไม่ทัน และอีก 2 นาทีต่อมา อินทรีเหล็ก เปิดเกมบุกขึ้นมาอีกครั้งและเป็น โคลเซ่ ที่ได้หลุดเดี่ยวแต่กลับยิงหลุดกรอบอย่างน่าผิดหวัง
นาทีที่ 26 เยอรมนี ก็หนีไปเป็น 2-0 จนได้เมื่อ ลาห์ม ตั้งป้อมโยนเข้าไปในเขตโทษ และเป็น โคลเซ่ ที่โฉบเข้าไปโหม่งตุงตาข่ายตัดหน้า ชวาร์เซอร์ ที่ออกมาช้าเกินไป
อดีตแชมป์ 3 สมัยยิ่งเล่นยิ่งดีและเกือบจะได้ประตูที่ 3 ในนาทีที่ 30 เมื่อ ลูคัส นีลล์ กัปตันทีมออสซี่ เช็คล้ำหน้าไม่ดี ทำให้ โอซิล ได้หลุดไปชิพผ่านมือชวาร์เซอร์ไปแล้ว แต่ นีลล์ ยังแก้ตัวตามมาสกัดทิ้งจากหน้าปากประตูได้ทัน
ออสเตรเลีย แทบจะไม่มีโอกาสพาบอลขึ้นมาสร้างความหวาดเสียวได้เลย มิหนำซ้ำยังเกือบจะเสียประตูอีกครั้ง โดยเฉพาะในจังหวะที่ โพลดี้ จ่ายบอลให้ โอซิล ได้หลุดเดี่ยวแต่จังหวะสุดท้ายแตะยาวไปนิดเดียวทำให้ ชวาร์เซอร์ ออกมาบล็อกไว้ได้ทันในนาทีที่ 40 จบครึ่งแรก เยอรมนี นำทีมจิงโจ้ 2-0
เริ่มครึ่งหลัง ออสเตรเลีย เปลี่ยนตัวเป็นคนแรกด้วยการส่ง เบร็ตต์ โฮลแมน ลงมาแทน วินเชนโซ่ เกรลล่า และนาทีที่ 48 ผู้เล่นออสซี่ก็เรียกร้องจะเอาจุดโทษเมื่อบอลไปโดนแขน เพอร์ แมร์เตซัคเกอร์ ออกหลัง แต่ผู้ตัดสินให้เป็นแค่ลูกเตะมุมเท่านั้น
นาทีที่ 54 ลาห์ม และ มุลเลอร์ ต่อบอลกันได้สวย ก่อนที่มิดฟิลด์ดาวรุ่งจากบาเยิร์น มิวนิค จะซัดข้ามคานออกไปแบบมีลุ้น
อีก 2 นาทีต่อมา ออสซี่ ก็ต้องมาเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนเมื่อ ทิม เคฮิลล์ โดนใบแดงไล่ออกจากสนามหลังไปเสียบ บาสเตียน ชไวน์สไตน์เกอร์ อย่างน่าเกลียด
หลังจากนั้น พลพรรคอินทรีเหล็ก ก็ครองเกมได้หมดก่อนจะขยับหนีห่างเป็น 3-0 ในนาทีที่ 68 จากความสามารถเฉพาะตัวของ มุลเลอร์ ที่กระชากเข้ามาในเขตโทษก่อนจะล็อกหลบ นีล และยิงเรียดเสียบโคนเสาเข้าไป และเป็นประตูแรกในการเล่นทีมชาติชุดใหญ่ของเจ้าตัวด้วย
ถัดมาอีก 2 นาทีสกอร์ก็ไหลไปเป็น 4-0 เมื่อ โอซิล สปีดไปเอาบอลก่อนจะจ่ายให้ คาเคา กองหน้าตัวสำรองที่เพิ่งลงสนามมาได้แค่นาทีเดียว ซัดโล่งๆ เข้าไปไม่เหลือ
นาทีที่ 73 โยอาคิม เลิฟ บุนเดสเทรนเนอร์ ก็เปลี่ยนตัวเป็นคนที่ 2 ด้วยการส่ง มาริโอ โกเมซ ศูนย์หน้าบาเยิร์น มิวนิค ไปเล่นแทน โอซิล ก่อนจะถอด โพลดี้ ซึ่งทำประตูแรกออกไปพักและส่ง มาร์โค่ มาริน ลงสัมผัสเกมในช่วง 10 นาทีสุดท้าย
นาทีที่ 84 ออสเตรเลีย มีลุ้นตีไข่แตกเล็กๆ เมื่อ นิกิต้า รูคาวิสย่า หัวหอกตัวสำรอง มีโอกาสได้สับไกยิงในเขตโทษ แต่ มานูเอล นอยเออร์ ยังล้มตัวรับไว้ได้
ช่วงเวลาที่เหลือ เยอรมนี เน้นการครองบอลเซฟตัวเอง จบเกม "อินทรีเหล็ก" ถล่ม ออสเตรเลีย อย่างขาดลอย 4-0 คว้า 3 แต้มนำเป็นจ่าฝูงกลุ่มดีอย่างสง่าผ่าเผย
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีมเยอรมนี : มานูเอล นอยเออร์, โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์, เพอร์ แมร์เตซัคเกอร์, อาร์เน่ ฟรีดริช, ฟิลิปป์ ลาห์ม, ซามี่ เคห์ดีร่า, บาสเตียน ชไวน์สไตน์เกอร์, เมซุต โอซิล, โธมัส มุลเลอร์, มิโรสลาฟ โคลเซ่, ลูคัส โพดอลสกี้ออสเตรเลีย : มาร์ค ชวาร์เซอร์, สกอตต์ ชิปเปอร์ฟิลด์, ลูคัส นีลล์, เคร็ก มัวร์, ลุค วิลเชียร์, เจสัน คูลิน่า, คาร์ล วาเลรี่, วินเชนโซ่ เกรลล่า, เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน, ริชาร์ด การ์เซีย, ทิม เคฮิลล์
